วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ร้าน ช็อกโกแลต Melt Me


          
ร้าน ช็อกโกแลต Melt Me
          เป็นร้านช็อกโกแลตสดสไตล์ญี่ปุ่นร้านแรกที่เปิดในเมืองไทย ร้านนี้เป็นของคุณอิงซึ่งเป็นภรรยาของคุณตัน (อิชิตัน)นั้นเอง ซึ่งจากที่ทราบ   มาว่าคุณตันที่เป็นคนที่ทานช็อกโกแลต เวลาไปไหนมาไหนก็จะชอบซื้อช็อกโกแลต คุณอิงจึงตัดสินใจไปเรียนทำช็อกโกแลตถึงฮอกไกโด จนมาเปิดร้านเป็นของตนเองชื่อว่า Melt Me
          จุดเด่นที่เป็นไฮไลท์ของร้านนี้อยู่ที่ช็อกโกแลตสด เพราะทำใหม่ทุกวันและที่สำคัญไม่อ้วนอีกด้วยเนื่องจากมีส่วนผสมองช็อกโกแลตจริงๆถึง70%ซึ่งช็อกโกแลตแบบอื่นๆจะผสมน้ำตาลมากกว่าจึงทำให้อ้วน ดังนั้นจึงการัยตีได้ว่าMelt Meไม่ทำให้อ้วนแน่ๆ

การเลือกซื้อช็อกโกแลต




การเลือกซื้อช็อกโกแลตอันดับแรกให้สังเกตสภาพของบรรจุภัณฑ์ต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ฉีกขาด สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่มองเห็นช็อกโกแลตเราต้องสังเกตลักษณะของช็อกโกแลตภายในด้วย
สิ่งที่ควรดูบนฉลากประกอบด้วย
- ชื้ออาหาร ต้องแสดงชื่อที่ใช้เรียกอาหารตามปกติ เช่น ช็อกโกแลตนม หากใช้ชื่อทางการค้าต้องมีข้อความแสดงประเภทหรือชนิด       ของอาหารกำกับชื่ออาหารด้วยเช่น อาร์นี่ ช็อกโกแลตนม
- เลขสารบนอาหารภายในกรอบเครื่องหมาย อย.13หลัก
- วันเดือนปีที่ผลิตหรือวันเดือนปีที่หมดอายุของอาหารหรือควรบริโภคก่อน
- ชื่อ ที่ตั้งของผู้ผลิต หรือผู้แบ่งบรรจุ กรณีเป็นอาหารที่ผลิตในประเทศอาจแสดงชื่อที่ตั้งสำนักงานใหญ่ได้ กรณีเป็นอาหารนำเข้า ให้แจ้งผู้นำเข้าและประเทศผู้ผลิต
- น้ำหนักสุทธิ เป็นระบบเมตริก เช่น 200กรัม ชนิดวัตถุดิบและประมาณเป็นร้อยละของน้ำหนักเรียงจากน้อยไปหามาก
 - ใช้ไขมัน(ระบุและปริมาณของไขมันที่ใช้เป็นเปอร์เซ็น)แทนไขมันโกโก้ สำหรับช็อกโกแลตที่มีการใช้ไขมันโกโก้บางส่วนจะต้อง แสดงข้อความบนฉลากด้วยอักษรขนาดไม่น้อยกว่า5มิลลิเมตร สี อีกษรตัดกับพื้นของฉลาก เราสามารถเห็นข้อความดังกล่าวที่ใต้ชื่อของช็อกโกแลต ซึ่งช็อกโกแลตที่มีการใช้ไขมันอื่นแทนไขมันโกโก้บางส่วนนั้นจะสามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องได้ แต่หากเป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการใช้ไขมันอื่นแทนไขมันโกโก้ติ้องจัดเก็บในตู้เย็นเนื่องจากช็อกโกแลตจะละลายเร็ว


== ประโยชน์ของช็อกโกแลต ==

  1. ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มีสารเคมีที่ส่งผลต่อระบบประสาท เล่ากันว่า นักรักชื่อกระฉ่อนโลกอย่างจิอาโคโม คาสซาโนวา (1725-1795) กินช็อกโกแลตก่อนขึ้นเตียงกับผู้หญิงที่หลงเสน่ห์ ด้วยช็อกโกแลตขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารกระตุ้นอารมณ์ใคร่ และผู้หญิงร้อยละ 50 สารภาพว่ากินช็อกโกแลตก่อนเมคเลิฟ
  2. มีงานวิจัยที่ศึกษากับเพศชายจำนวน 8000 คนที่สำเร็จการศึกษาจากฮาร์วาร์ด พบว่า คนที่รับประทานช็อกโกแลตเป็นประจำมีอายุยืนกว่าคนที่ไม่เคยรับประทานช็อกโกแลต สาเหตุที่กินช็อกโกแลตแล้วอายุยืนอาจเกี่ยวข้องกับ สารโพลีฟีนอลที่มีอยู่จำนวนมากในช็อกโกแลต โพลีฟีนอลเป็นสารที่ช่วยลดอนุมูลอิสระของไลโปโปรตีนความแน่นต่ำ และช่วยป้องกันโรคหัวใจ แต่ความเชื่อดังกล่าวยังเป็นเรื่องถกเถียงกันอยู่ 
  3. นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองเปรียบเทียบกลุ่มที่รับประทานช็อกโกแลตเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ให้รับประทานช็อกโกแลตเทียม เพื่อทดสอบความจำพบว่า กลุ่มที่กินช็อกโกแลตสามารถจดจำคำพูดและภาพได้ดีกว่า และยังเคลื่อนไหวตอบสนองได้คล่องแคล่วกว่า ปัจจุบันนักวิจัยกำลังทดลองซ้ำเพื่อเปรียบเทียบผลอยู่
  4. การทดลองเหล่านั้นสอดคล้องกับชีวิตของคนที่มีอายุเกินร้อยปีหลายคน ยกตัวอย่าง ฌอง คลามงต์ (1875-1997) และ ซาร่าห์ เคลาส์ (1880-1999) ทั้งสองคลั่งไคล้ช็อกโกแลตมาก คลามงต์ มีนิสัยติดกินช็อกโกแลตอาทิตย์ละสองปอนด์จนกระทั่งแพทย์ต้องแนะนำให้เธอเลิกกินเมื่ออายุได้ 119 ปี สามปีก่อนที่เธอจะลาโลกไปด้วยอายุ 122 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุยืนมักแนะนำให้กินช็อกโกแลตดำแทนขนมหวานมีแคลอรีสูงและนิยมกันมากในอเมริกา 
  5. ในอังกฤษ ช็อกโกแลตแท่งสอดใส้คานาบิสนิยมใช้กับผู้ป่วยโรค multiple sclerosis หรือโรคปลอกหุ้มเส้นประสาทอักเสบ หรือเอ็มเอส เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดกับระบบประสาทส่วนกลางแบบฉับพลัน โรคดังกล่าวมีพัฒนาการอย่างช้าๆ ส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางสายตา การพูด เมื่อรักษาเฉพาะอาการแล้วอาจเกิดขึ้นอีกได้ และร้ายแรงถึงขั้นอัมพาต ตาบอด และเสียชีวิต
  6. ในช็อกโกแลตมีส่วนประกอบมากกว่า 300 ชนิดที่ต่างกัน เช่นอนันดาไมด์ และเอ็นโดจีนัส คานาบินอยด์ที่พบได้ในระบบประสาท คนที่ไม่เชื่อแย้งว่า หากกินช็อกโกแลตให้ออกฤทธิ์ต่อประสาทได้จริงคงต้องกินกันทีละหลายปอนด์มากถึงเห็นผล และกินมากๆ ยังเสี่ยงเป็นนิ่วด้วย ถึงกระนั้น มีข้อมูลน่าสนใจอยู่อย่างหนึ่งคือ สารสองชนิดของอนันดาไมด์พบอยู่ในช็อกโกแลต ซึ่งเชื่อกันว่ามีผลช่วยยืดความรู้สึกสุขสบายให้ยาวนาน 
  7. ช็อกโกแลตยังมีกาเฟอีน แต่ไม่มากนักและยังสามารถหาได้จากแหล่งอื่นที่มีมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ช็อกโกแลตนมมีกาเฟอีนน้อยกว่าดื่มกาแฟชนิดกาเฟอีนต่ำเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ช็อกโกแลตมีสารทริพโทฟาน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนสำคัญ ทำหน้าที่ควบคุมเซโรโทนิน สารสื่อประสาทที่ควบคุมอารมณ์ เมื่อร่างกายขับเซโรโทนินออกมาช่วยให้ผ่อนคลายความวิตกกังวลได้ 
  8. ช็อกโกแลตช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน สารที่คล้ายกับที่ได้จากฝิ่นที่ผลิตขึ้นเองในร่างกาย เมื่อร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินจะช่วยลดความเจ็บปวดได้ บางครั้งเชื่อว่า เอ็นดอร์ฟินมีส่วนช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและสงสัยกันว่าเป็นตัวที่ทำให้คนบางคนถึงขนาดติดช็อกโกแลตงอมแงม



== ชนิดของช็อกโกแลต ==
ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมที่นิยมมาก และมีให้เลือกในหลากหลายรูปแบบ รูปแบบและรสชาติของช็อกโกแลตนั้นแตกต่างกันได้โดยส่วนผสมและปริมาณของส่วนผสมในช็อกโกแลต นอกจากส่วนผสมแล้วรสชาติยังแตกต่างกันโดยระยะเวลาและอุณหภูมิของการคั่วเมล็ดโกโก้ด้วย




=== ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน ===
ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน (unsweetened chocolate) คือ ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือที่รู้จักกันในนาม ช็อกโกแลตฝาด ใช้ในการอบอาหาร และเป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการเจือปนใด ๆ ทั้งสิ้น ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติเข้มข้มและลุ่มลึกของช็อกโกแลตบริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ดีเมื่อมีการเพิ่มน้ำตาลเข้าไป ช็อกโกแลตชนิดนี้จะใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำบราวนี เค้ก ลูกกวาด และคุกกี้


=== ช็อกโกแลตดำ ===
ช็อกโกแลตดำ (dark chocolate) คือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกเป็นช็อกโกแลตธรรมดา แต่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเป็นช็อกโกแลตหวาน และกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35% ช็อกโกแลตดำมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ป้องกันมิให้เกิดคราบไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ สาเหตุของโรคหัวใจเลือดตีบ และช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดแข็งตัว สาเหตุของการอุดตันในหลอดเลือด และป้องกันความดันโลหิตสูง


=== ช็อกโกแลตนม ===
ช็อกโกแลตนม (milk chocolate) คือช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้นหวาน รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดว่าหากจะเรียกว่าช็อกโกแลตนม ต้องมีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 10% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 25%ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ (cocoa butter) นม และยังเพิ่มความหวานและรสชาติลงไปด้วย ช็อกโกแลตนมนี้ใช้สำหรับแต่งหน้าขนมได้เป็นอย่างดี ช็อกโกแลตนมที่ทำในประเทศสหรัฐฯ ต้องประกอบด้วยน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 10% และนมที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12%


=== ช็อกโกแลตลิเคียวร์ ===
เป็นผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ น้ำช็อกโกแลตนี้สามารถทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ แต่ช็อกโกแลตที่ได้เป็นชนิดที่ไม่หวาน น้ำช็อกโกแลตนี้จะมีส่วนผสมของโกโก้บัตเตอร์ประมาณ 53%

=== ช็อกโกแลตกึ่งหวาน ===
ช็อกโกแลตกึ่งหวาน (semi-sweet) อยู่ในรูปของเหลวแล้วเพิ่มความหวานและใส่เนยโกโก้ลงไปด้วย สีของช็อกโกแลตชนิดนี้สีจะเข้ม ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ จะมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตประมาณ 35% และมีไขมันประมาณ 27% ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสหวานเล็กน้อยและกลมกล่อม


=== ช็อกโกแลตหวาน ===
ช็อกโกแลตหวาน (sweet chocolate)  ช็อกโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไปมากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 1 % ช็อกโกแลตชนิดนี้ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมและตกแต่งขนม และยังมีไขมันเท่า ๆ กับช็อกโกแลตแบบหวานน้อย


=== ช็อกโกแลตขาว ===
ช็อกโกแลตขาว (white chocolate) ชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย ช็อกโกแลตขาวนี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้


=== ลิควิดช็อกโกแลต ===
เป็นช็อกโกแลตที่ไม่หวาน ส่วนใหญ่จะบรรจุขายเป็นขวด ขวดละ 1 ออนซ์ และเนื่องจากมันไม่ละลายจึงสะดวกในการใช้มาก โดยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้ ซึ่งเนื้อช็อกโกแลตจะแตกต่างกัน ปกติแล้วช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสไม่หวาน


=== กูแวร์ตูร์ ===
ช็อกโกแลตชนิดกูแวร์ตูร์ (couverture) เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือจะเป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของเนยโกโก้อย่างน้อยที่สุด 32% ทำให้มันสามารถคงตัวอยู่ในรูปของไขได้ดีกว่าชนิดเคลือบ ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้านที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในรูปของส่วนที่เคลือบอยู่ภายนอกผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อกโกแลตอยู่


=== กานาช ===
ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีลักษณะข้นมาก เป็นที่นิยมนำไปทำเค้กช็อกโกแลต กานาชทำโดยการเทวิปปิงครีมที่นำไปอุ่นลงไปในช็อกโกแลตสับในปริมาณที่เท่ากัน ทิ้งไว้สักครู่จนช็อกโกแลตเริ่มละลายและคนให้เข้ากัน จะได้ส่วนผสมที่ข้นขึ้น อาจเติมเนยในปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเงาให้กับกานาชด้วย


=== Confectionery Coating ===
เป็นช็อกโกแลตที่ใช้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาติต่าง ๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของเนยโกโก้ เหมือนชนิดอื่น ๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้

ช็อกโกแลตในยุโรป

          ก่อนหน้าคริสต์ศตวรรษที่ 15 คนยุโรปยังไม่มีใครรู้จักเครื่องดื่มชนิดนี้ สเปนเป็นประเทศแรกที่ออกเดินทางแสวงหาความมั่งคั่งสู่ทวีปอเมริกา และได้พบกับเครื่องดื่มที่มีรสชาติอมตะของช็อกโกแลต หลังจากสเปนมีชัยเหนือชาวแอซเทคแล้ว พวกเขาได้นำเอาช็อกโกแลตกลับประเทศด้วย และกลายเป็นที่นิยมชมชอบในราชสำนักอย่างรวดเร็ว ภายในช่วงเวลา 100 ปี ความหลงใหลที่มีต่อช็อกโกแลตได้ขยายตัวลุกลามไปทั่วยุโรป ก่อนหน้าที่เฮอร์นาน คอร์เตส ขุนพลของสเปนจะมีชัยเหนือเม็กซิโกในปี ค.ศ. 1521 อาจเคยมีนักสำรวจยุคแรกเคยเห็นต้นคาเคาในอเมริกากันมาบ้างแล้ว แต่สเปนกลับเป็นชาติแรกของยุโรปที่ค้นพบรสชาติที่เลิศล้ำของช็อกโกแลต การติดต่อกันระหว่างชาวสเปนและชาวแอซเทคได้เปิดประตูให้สองชาติได้แลกเปลี่ยนความคิดและเทคโนโลยีแก่กัน และตลาดยุโรปก็ได้รู้จักกับอาหารชนิดใหม่อย่างจากต้นคาเคา
          สงครามในปี ค.ศ. 1521 คอร์เตสนำทหารเข้าสู้รบกับทหารของมอนเตซูมาจนได้รับชัยชนะ ทหารสเปนได้บังคับให้ขุนนางชาวแอซเทคนำทรัพย์สมบัติมาให้พวกตน ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ คาเคา ซึ่งถือเป็นทรัพย์ และมีค่าใช้แทนเงินตราจึงกลายมาเป็นทรัพย์ที่ยึดจากเชลยศึก ทหารสเปนได้อ้างสิทธิครอบครองไร่คาเคาของชาวแอซเทค และรีดเอาจากประชาชนที่ส่งบรรณาการให้ชาวแอซเทค ในเวลาไม่นาน คาเคาและช็อกโกแลตได้ถูกส่งไปยังสเปน ที่สเปน เครื่องดื่มช็อกโกแลตเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วจนไม่พอกับความต้องการ จึงต้องใช้แรงงานจำนวนนับล้านลงแรงเพาะปลูก เก็บเกี่ยว และแปรรูปน้ำตาลและคาเคา นับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 16 จนถึงปลายศตวรรษที่ 18 แรงงานส่วนใหญ่ที่มีราคาถูกแสนถูกที่ทำไร่คาเคาเป็นพวกทาส และชนกลุ่มแรกที่ถูกใช้เป็นแรงงานทาสทำช็อกโกแลตคือชาวเมโสอเมริกา
คนสเปนไม่ชอบรสชาติขมของช็อกโกแลต ทีแรกนายพลคอร์เตสกับเหล่าทหารของพวกเขาไม่ชอบรสชาติของช็อกโกแลตเลย แต่เพื่อให้ได้รสชาติถึงใจมากขึ้น พวกเขาเริ่มเอาช็อกโกแลตไปต้ม และใส่ส่วนผสมต่างๆ ลงไป ครั้นเมื่อช็อกโกแลตเข้ามายังยุโรป มีใครบางคนเกิดไอเดียที่จะเติมน้ำตาลลงไป ใส่ชินเนมอน และเครื่องเทศลงไป ในที่สุดเครื่องดื่มช็อกโกแลตร้อนรสหอมหวานก็ถือกำเนิดขึ้นมา อย่างไรก็ดี ชาวสเปนยังคงวิธีการเตรียมและกระบวนการทำช็อกโกแลตไว้เหมือนเดิม และยังคงใช้ชาวพื้นเมืองเก็บฝักและหมัก ตาก ทำความสะอาด และคั่วเมล็ดคาเคา สเปนยังได้ประดิษฐ์เครื่องมือชนิดใหม่สำหรับใช้ทำช็อกโกแลตด้วย ซึ่งก็คือ ไม้คนที่เรียกว่า ''โมลินีโอ'' เอาไว้คนให้ช็อกโกแลตเป็นโฟมละเอียดง่ายขึ้น เครื่องดื่มช็อกโกแลตนี้จะมีก็แต่ชาวสเปนผู้มั่งคั่ง และบาทหลวงเท่านั้นที่หาซื้อมาดื่มได้ พระสเปนได้แนะนำเครื่องดื่มช็อกโกแลตให้ราชสำนักได้ลิ้มลอง มีเรื่องเล่ากันว่า พระนิกายโดมินิกันนำคนพื้นเมืองเข้าเฝ้าเจ้าชายฟิลิปแห่งสเปน เชลยเหล่านี้ได้ปรุงเครื่องดื่มช็อกโกแลตให้เจ้าชายเสวย และในเวลาไม่นาน ชาวสำนักราชวังพากันเห่อดื่มช็อกโกแลตกันเป็นบ้าเป็นหลัง เนื่องจากสเปนยึดครองอเมริกาเป็นอาณานิคมในยุคแรก ทำให้สเปนผูกขาดค้าขายช็อกโกแลตอยู่เพียงลำพังหลายปี จะมีก็แต่ชาวสเปนที่ร่ำรวยมหาศาลกับคนที่มีเส้นสายดีเท่านั้นที่มีเงินซื้อช็อกโกแลตที่แสนแพงนี้ได้ ชาวสเปนยอมรับว่าช็อกโกแลตช่วยให้กระปรี้กระเปร่า และมีคุณค่าทางโภชนาการ คาเคามีแคลอรีสูงตามธรรมชาติ และยังมีกาเฟอีน และสารเคมีที่มีคุณสมบัติคล้ายกันเรียกว่า ธีโอโบรไมนด้วย
          ต่อมาในศตวรรษที่ 16 ช็อกโกแลตเริ่มเป็นเครื่องดื่มสำหรับพระที่ถือศีลอด และหลังจากถกเถียงกันมานาน ศาสนจักรคาทอลิกได้อนุญาตให้ประชาชนดื่มช็อกโกแลตเป็นอาหารทดแทนระหว่างถือศีลอด ซึ่งเป็นช่วงห้ามรับประทานอาหาร แต่ประเทศอื่นในยุโรปยังไม่มีโอกาสลิ้มรสช็อกโกแลตจนอีกร้อยปีต่อมา จะเป็นเพราะชาวสเปนพยายามเก็บช็อกโกแลตไว้แต่เพียงประเทศเดียวหรือไม่ และข่าวคราวเกี่ยวกับช็อกโกแลตแพร่งพรายออกไปได้อย่างไร ไม่มีใครรู้ชัด รู้กันแต่ว่าในที่สุดแล้ว ความลับเกี่ยวกับช็อกโกแลตได้แพร่งพรายออกไป และเริ่มเป็นที่นิยมในราชสำนักยุโรปอย่างรวดเร็ว และยืนยาวมาจนถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม หลายประเทศยุโรปเริ่มนำเอาพันธุ์พืชคาเคาไปปลูกในประเทศอาณานิคม ไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ต่างยึดเมืองแถบเส้นศูนย์สูตรเป็นอาณานิคม อังกฤษนำต้นคาเคามาปลูกบนเกาะซีลอน หรือศรีลังกา เนเธอร์แลนด์นำไปเพาะปลูกที่เวเนซุเอลา ชวา และสุมาตรา ส่วนฝรั่งเศสปลูกที่เวสท์อินดีส ผลผลิตจากต้นคาเคาใช้เวลาไม่นานก็สามารถออกฝักและเมล็ดส่งกลับมายังเจ้าอาณานิคมเหล่านี้จนยุโรปกลายเป็นทวีปแห่งช็อกโกแลต ชาวยุโรปบดเมล็ดคาเคาด้วยเครื่องโม่ทำให้บดได้คราวละจำนวนมาก เริ่มจากสมัยแรกใช้ครกตำแต่ต่อมาใช้กังหันลม บ้างก็ใช้โม่ที่อาศัยแรงงานม้าหมุนเครื่องบด คนยุโรปนิยมดื่มช็อกโกแลตกับน้ำตาล ซึ่งเป็นสินค้าราคาแพงอีกชนิดที่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ช่วงปลายศตวรรษ 1600 เซอร์ ฮันส์ สโลน จากราชวิทยาลัยแพทย์เสนอช็อกโกแลตสูตรใหม่เป็นช็อกโกแลตใส่นมที่ให้รสชาติละเมียดขึ้น ในฝรั่งเศส ช็อกโกแลตเป็นสินค้าผูกขาด มีตำนานเล่าว่า พระราชินีแอนแห่งออสเตรียชอบดื่มช็อกโกแลตเข้าขั้นเสพติด จนราชสำนักฝรั่งเศสต้องปิดเรื่องนี้ไว้ ช็อกโกแลตเริ่มกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งชนชั้น และมีพระราชบัญญัติห้ามไม่ให้ผู้ใด ยกเว้นสมาชิกของขุนนางฝรั่งเศสเท่านั้นที่ดื่มช็อกโกแลตได้ ต่างจากอังกฤษ ใครมีเงินซื้อก็ดื่มได้
          ร้านช็อกโกแลตแห่งแรกเปิดบริการในลอนดอนเมื่อปี ค.ศ. 1657 คล้ายกับร้านกาแฟ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากกว่าในเวลาต่อมา ร้านช็อกโกแลตเป็นสถานที่ดื่มเครื่องดื่มร้อนเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ถกเรื่องการเมือง พบปะผู้คน และเล่นพนัน บางแห่งรับเฉพาะผู้ชาย แต่ก็หลายแห่งที่เปิดรับทุกเพศที่มีเงินจ่าย ขั้นตอนการทำช็อกโกแลตไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายร้อยปี จนกลายศตวรรษ 1700 ซึ่งเป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมอนาคตของช็อกโกแลตก็ถึงเวลาปฏิวัติเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
ก่อนหน้ายุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ขั้นตอนการผลิตช็อกโกแลตต้องอาศัยแรงงานคนอย่างเดียว ซึ่งใช้เวลานาน และค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ช็อกโกแลตหาซื้อได้เฉพาะคนร่ำรวยเท่านั้น เมื่อนักประดิษฐ์ได้สร้างเครื่องจักรไอน้ำสำเร็จการผลิตช็อกโกแลตจำนวนมากด้วยเวลาที่สั้นลงทำให้เส้นทางของช็อกโกแลตไม่อยู่เฉพาะเครื่องดื่มเท่านั้นแต่ยังวิวัฒนาการกลายเป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยมกันทั่วโลกด้วย
              

ความเป็นมาของช็อกโกแลต




ประวัติ 

          ช็อกโกแลตถูกค้นพบมาตั้งแต่สองพันปีที่แล้ว หลังสมัยพระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ เป็นผลผลิตที่ได้จากเมล็ดของต้นคาเคา (cacao) ในป่าร้อนชื้นของทวีปอเมริกา จัดอยู่ในตระกูล Theobroma cacao แปลว่า "อาหารแห่งทวยเทพ" ชนกลุ่มแรกที่รู้จักทำช็อกโกแลตเป็นอารยธรรมโบราณที่อยู่ในเม็กซิโก และอเมริกากลาง ชนกลุ่มนี้ได้แก่ชาวมายา และชาวแอซเทค แห่งอารยธรรมเมโสอเมริกา คนเหล่านี้เอาเมล็ดคาเคามาบดแล้วผสมกับเครื่องปรุงหลายชนิดเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มที่มีรสขมเฝื่อน นอกจากใช้ประกอบอาหารแล้วช็อกโกแลตยังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตเชิงศาสนาและสังคมด้วย ชาวมายา (ค.ศ. 250-900) เป็นชนชาติแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่าได้ค้นพบความลับของต้นคาเคา โดยพวกเขาได้นำต้นคาเคามาจากป่าฝนและปลูกไว้ที่สวนหลังบ้าน พอออกฝักก็เก็บเอาเมล็ดมาหมักบ้าง คั่วบ้าง และยังบดเป็นเนื้อเหนียว อยากชงเป็นเครื่องดื่มก็เอามาผสมน้ำ โรยพริกไท แป้งข้าวโพด ก็จะได้เครื่องดื่มช็อกโกแลตรสซาบซ่ามีฟองฟ่อง
          ต่อมาราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 อาณาจักรของชาวแอซเทคครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของอารยธรรมเมโสอเมริกา โดยมีเมืองหลวงตั้งอยู่ที่เมืองปัจจุบันเรียกว่า เม็กซิโก ซิตี้ ชาวแอซเทคได้ซื้อขายเมล็ดคาเคากับชาวมายาและชนชาติอื่น และยังเรียกเก็บค่าบรรณาการจากพลเมืองของตนและเชลยเป็นเมล็ดคาเคา โดยใช้แทนค่าเงิน ชาวแอซเทคนิยมดื่มช็อกโกแลตขมเช่นเดียวกับชาวมายายุคแรก โดยปรุงรสชาติให้ซู่ซ่าขึ้นด้วยเครื่องเทศ ชาวเมโสอเมริกาสมัยนั้นยังไม่มีใครปลูกอ้อยก็เลยไม่มีใครใส่น้ำตาลกัน
          เล่ากันว่า คนมายายุคคลาสสิกชอบดื่มช็อกโกแลตกันในวาระพิเศษ ขณะที่บรรดาเชื้อพระวงศ์จะนิยมดื่มกันมาก ส่วนชาวแอซเทค บรรดาผู้ปกครองระดับสูง พระ ทหารยศสูง และพ่อค้าที่มีหน้ามีตาเท่านั้นที่มีสิทธิลิ้มรสเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์นี้ ช็อกโกแลตมีบทบาทสำคัญในพิธีของราชวงศ์และศาสนา เพราะใช้เมล็ดคาเคาเป็นเครื่องสักการะเทพเจ้า และดื่มในพิธีสำคัญ สำหรับที่มาของชื่อช็อกโกแลตนั้นยังไม่มีใครอธิบายได้แจ่มชัด แต่มีความเป็นไปได้สองทาง ทางแรกเป็นคำที่ผันมาจากคำว่า "ช็อคโกลัจ" ในภาษามายา ซึ่งหมายถึง มาดื่มช็อกโกแลตด้วยกัน อีกทางหนึ่งอธิบายว่าน่าจะมาจากภาษามายาเช่นกัน คือ " chocol" แปลว่า ร้อน ผสมกับคำว่า "atl" ของแอซเทคที่แปลว่า น้ำ พอมารวมกันจึงกลายเป็นคำว่า chocolatl และมาเป็น chocolate ต่อมาในยุโรป
โดยความเชื่อของชาวแอชเต็คส์ ประเทศเม็กซิโก "เมล็ดโกโก้เป็นอาหารที่เทพเจ้ามอบให้เพื่อเป็นใบเบิกทางไปสู่สวรรค์" เมื่อประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว ซึ่งทำให้พวกเขานำเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่มนั่นก็คือ "น้ำช็อกโกแลต"  ต่อมา''นายเออร์นัน  คอร์เตช'' นักสำรวจชาวสเปนแล่นเรือมาพบกับชาวแอชเต็คส์ ซึ่งเขาได้อาศัยอยู่กับชาวแอชเต็คส์และร่วมดื่มน้ำช็อกโกแลตด้วยกัน และนายคอร์เตชได้นำเมล็ดโกโก้กลับประเทศเพื่อลองทำเครื่องดื่มดูบ้าง และแต่งเติมรสให้หวานขึ้นจนเป็นเครื่องดื่มที่นิยมกันในสเปน  จนในมี่สุด '''นายคอนราด เจ แวนฮูเตนท์''' ชาวดัชได้ค้นพบการทำช็อกโกแลตแบบแท่ง เม็ด และผง


วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

DIY เสื้อยืดธรรมดาให้มีชีวิตชีวาสดใส

DIYเสื้อผ้าธรรมดาให้ดูมีชีวิตชีวาโดยเฉพาะสาวๆคนไหนที่ไม่ชอบความจำเจ DIYเสื้อยืดเรียบๆธรรดาให้กลับมาสดใสมีชีวิตชีวาด้วยโบว์เก๋ๆง่ายๆด้วยตัวคุณเอง




อุปกรณ์

  1. เสื้อยืดเรียบๆ สีพื้นๆ1ตัว
  2. เศษผ้าลวดลายต่างๆ
  3. เข็ม ด้าย กรรไกร ไม้บรรทัด
ขั้นตอน



1. นำเสื้อยืดที่ได้มาตัดช่วงคอให้กว้างขึ้นเพื่อที่เราจะได้สามารถเพิ่มลูกเล่นในการสวมใส่หรือตกแต่งให้ดูดีมากขึ้น



2.เลือกผ้าที่เตรียมไว้



3.ตัดเศษผ้าให้มีขนาด5นิ้ว ความยาวพอขนาดที่สามารถผูกโบว์ได้



4.นำเศษผ้าที่ตัดเรียบร้อยมาผูกเป็นโบว์



5.นำโบว์ืัที่ผูกเสร็จเรียบร้อยมาลองวางทาบกับเสื้อว่าคุณอยากประดับตรงไหน



6.ทำการเย็บติดโบว์ลงไปในตำแหน่งที่วางทาบไว้ ควรเย็บติด5จุดกันหลุด



7.ส่วนบริเวณปลายของโบว์ถ้าต้องการความเรียบร้อยหน่อยให้เย็บเก็บปลายให้เรียบร้อย



เสร็จเรียบร้อยแล้ว

DIY กระถางน่ารักๆจากกิ๊บไม้ และกระป๋องเปล่าใช้แล้ว

กระถางไม้เล็กน่ารักๆ จะใส่อะไรก็ได้เป็นของขวัญให้เพื่อนๆ ใส่ต้นไม้เล็กก็ได้ หรือใสเทียนจุดไฟได้บรรยากาศสวยๆ^^

D.I.Y. กระถางน่ารักๆจากกิ๊ปไม้ และกระป๋องเปล่าใช้แล้ว 2 1 2012 8 58 22 PM

อุปกรณ์


  1. กระป๋องเปล่า
  2. กิ๊บไม้
D.I.Y. กระถางน่ารักๆจากกิ๊ปไม้ และกระป๋องเปล่าใช้แล้ว 2 1 2012 8 56 41 PM

วิธีทำ
กระป๋องอาหารใช้แล้วนำมาล้างให้สะอาด
เอากิ๊บไม่มาหนีบรอบๆกระป๋อง

D.I.Y. กระถางน่ารักๆจากกิ๊ปไม้ และกระป๋องเปล่าใช้แล้ว 2 1 2012 8 57 33 PM

D.I.Y. กระถางน่ารักๆจากกิ๊ปไม้ และกระป๋องเปล่าใช้แล้ว 2 1 2012 8 57 57 PM

D.I.Y. กระถางน่ารักๆจากกิ๊ปไม้ และกระป๋องเปล่าใช้แล้ว 2 1 2012 8 58 46 PM

DIY ที่คั่นหนังสือ Origami สัตว์ประหลาดน่ารักๆ

ที่คั่นหนังสือ

DIY ที่คั่นหนังสือ Origami สัตว์ประหลาดน่ารักๆ 25121710390974869 qV28Ub90 f



อุปกรณ์
  1. กระดาษสี
  2. กรรไกร
  3. ที่เจาะรูกระดาษ
  4. กาว
DIY ที่คั่นหนังสือ Origami สัตว์ประหลาดน่ารักๆ 25550929 090258

วิธีทำ
  1. เริ่มต้นตัดกระดาษให้ได้ขนาด 6x6 นิ้ว เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสแล้วพับครึ่งเป็นสามเหลี่ยม
  2. แล้วพับมุมซ้ายมาตรงกึ่งกลาง เช่นเดียวกันกับมุมขวา
  3. แล้วคลี่สามเหลี่ยมออกมาอีกที เอามุมด้านบนพับลงมาเจอกึ่งกลาง(ดูตามภาพจะได้เข้าใจง่าย)
  4. พับมุมซ้ายอีกที แล้วคราวนี้เอาปลายพับเก็บในช่องตรงกลาง เช่นเดียวกับมุมขวา
  5. ตกแต่งให้สวยงาม

DIY ที่คั่นหนังสือ Origami สัตว์ประหลาดน่ารักๆ 25550929 090310

DIY ที่คั่นหนังสือ Origami สัตว์ประหลาดน่ารักๆ 25550929 090316

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555




วิเคราะห์กลยุทธ์การเปลี่ยนทัศนคติ ของ Blackberry
1.Change Belief Component 
Blackberry  มีภาพลักษณ์ค่อนข้างดี อยู่ในระดับสูง ส่วนใหญ่เลือกใช้ Blackberry เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารทางออนไลน์ การแชท ตัวเครื่อง Blackberry สามารถใช้งานได้ดีมากกว่าการแชทอย่างเดียวสามารถทำการใช้งานได้อีกหลายอย่าง  เราจึงควรเปลี่ยนความคิดที่มีอยู่ให้ผู้บริโภคได้เห็นความแตกต่างของการใช้ Blackberry มากขึ้น สามารถใช้ในการช่วยทำงานได้  เช่น  google ค้นหาข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลผ่าน e-mail Blackberry สะดวกสบายในการพกพา
2. Change  Affect
Blackberry น่าจะทำการโฆษณาในด้านให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากกว่านี้ เพื่อบอกการใช้งานต่างๆให้กับผู้บริโภค อาจมีการใช้ดารา เป็นพรีเซนเตอร์ในการโฆษณา ควรมีการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น  ไม่ใช่แค่กลุ่มวัยรุ่น และเพื่อเป็นการให้ผู้บริโภคได้เห็น Blacberry  ในอีกมุมมองหนึ่งมากขึ้น เมื่อพบเห็นแล้วอยากที่จะครอบครองทันที
3. Change  Behavior
คนส่วนใหญ่ใช้ Blackberry ในการแชท คุย สนทนาเรื่องต่างๆ การติดต่อสื่อสารทางไกล และออนไลต์ เครื่องBlackberryนั้นเกิดปัญหาบ่อย  ควรมีการปรับเปลี่ยนระบบการใช้งานให้ดีกว่านี้ เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ และเลือกซื้อเราซ้ำอีก  และไว้วางใจในตัว blackberry มากขึ้น

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

DIY กล่องเก็บเครื่องประดับ

     สาวๆคนไหนที่ชื่นชอบเครื่องประดับเป็นชีวิตจิตใจ แต่ต้องมาเสียเวลากับการเลือกหยิบเครื่องประดับแต่ละชิ้น เพราะเจ้าเครื่องประดับแสนสวยของคุณถูกจัดแบบไม่เป็นระเบียบบางไหม เชื่อว่าสาวๆหลายคนต้องเจอกับปัญหานี้อย่างแน่นอน วิธีDIYกล่องธรรมดาๆให้กลายเป็นกล่องสวยๆที่สามารถเก็บเครื่องประดับกระจุ๊กกระจิ๊กของคุณได้อย่างสะดวกแถมเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการการหยิบมาใช้สอย และที่สำคัญกล่องสวยๆยังสามารถเป็นของประดับตกแต่งบนโต๊ะเครื่องแป้งหรือชั้นวางของในมุมแต่งตัวของคุณสาวๆได้ด้วย

อุปกรณ์
1. กระดาษแข็ง
2. เศษผ้า(ผ้าที่สำหรับหุ้ม และเศษผ้าลูกไม้ไว้ประดับตกแต่ง)
3. ใยสังเคราะห์
4. ของประดับตกแต่งอื่นๆตามใจชอบ


ขั้นตอนการทำ
1. นำกระดาษแข็งมาเพื่อตัดขั้นรูปเป็นกล่อง(ดังภาพหมายเลข2)ขนาดพอเหมาะแล้วแต่ความเหมาะสมของคุณ
2. เมื่อขึ้นรูปได้เป็นกล่องแล้ว นำเศษผ้ามาหุ้มกล่องที่เราเตรียมไว้ให้เรียนร้อย
3. นำเศษผ้าลูกไม้มาประดับปากกล่องให้สวยงามติกกระดุม หรือของตกแต่งอื่นๆเพิ่มเติม


4. ขั้นตอนของการทำฝากล่อง นำกระดาษมาวัดขนาดให้พอดีกับกล่องเพื่อทำเป็นฝาปิด
5. จากนั้นนำใยสังเคราะห์มาใส่ลงพันกระดาษแล้วหุ้มด้วยเศษผ้าติดกาวให้เรียบร้อยจะได้ฝากล่อง
6. นำเศษผ้าที่เหลือมาติดกาวที่ฝากล่องติดกับกล่องโดยติดไว้ด้านใน สามารถเปิดเข้าออกได้(ดังภาพหมายเลข 4-6)
7. นำเศษผ้าที่เหลือมาปิดฝากล่องด้านในเพื่อความสวยงาม
8. หากต้องการได้ช่องเพื่อแบ่งให้เป็นสัดส่วนชัดเจน สามารถทำกระดาษมาตัดแล้ววางไปในกล่องเพื่อแบ่งช่อง ง่ายต่อการใช้สอย (ดังภาพหมายเลข 8)

DIY "ขวดโหลนีออน" ^^

วันนี้มีไอเดียสุดเจ๋งมานำเสนอเป็นขวดโหลนีออนทำได้ไม่ยากเลยอุปกรณ์ก็หาได้ทั้วไปตามทั้งตลาดสามารถสร้างสีสันในห้องนอนเวลาปิดไฟก็จะเห็นแสงที่เรืองออกมา


อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1.ขวดโหลแก้วมีฝาปิด
2.แท่งเรืองแสง
3.ตุ๊กตาหรืออุปกรณ์ตกแต่งฝาขวดโหล
4.กาวร้อน 

วิธีทำ
1.ขั้นตอนแรกหาขวดโหลที่มีฝาปิดขนาดที่ต้องการมาเช็ดทำความสะอาด

ขวดโหล


2.ต่อมานำแท่งเรืองแสงมาหักหรือทุบ ตัด แล้วเทน้ำเรืองแสงที่อยู่ในแท่งเรืองแสงออกมาใส่ขวดโหล

มาสร้าง "ขวดโหลนีออน" ให้เด็กๆไว้ประดับห้องนอนกันเถอะค้า  ^^

มาสร้าง "ขวดโหลนีออน" ให้เด็กๆไว้ประดับห้องนอนกันเถอะค้า  ^^


3.หลังจากนั้นนำกาวร้อนมาติดฝากับตุ๊กตาหรืออุปกรณ์ตกแต่งฝา นำฝาที่ตกแต่งแล้วมาปิดขวดโหลให้เรียบร้อย

มาสร้าง "ขวดโหลนีออน" ให้เด็กๆไว้ประดับห้องนอนกันเถอะค้า  ^^ 

ขวดโหลนีออน


วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

เศรษฐา ศิระฉายา (ต้อย) : Security

ครอบครัว ศิระฉายา : Security ^^


    "เศรษฐา ศิระฉายา" ชื่อเล่น "ต้อย" นักร้องนำวง "ดิ อิมพอสสิเบิ้ล" และเป็นพิธีกร นักแสดงชื่อดัง
ครอบครัวคุณเศรษฐา จัดอยู่ในประเภท Security
ปัจจุบันคุณเศรษฐา สมรสกับ อรัญญา นามวงศ์ มา30ปี มีบุตรสาวชื่อ พุทธิดา หรืออี๊ฟ
แน่นอนว่ามีภรรยาสวยขนาดนี้คุณเศรษฐา จะต้องหวงภรรยาเป็นธรรมดา แต่เรื่อง "หึงหวง" ก็หมดไปเมื่อทั้งสองใช้หลัก"ความเชื่อใจ...ให้เกียรติ...เข้าใจ" เมื่ออถามถึงเรื่อง"ความโรแมนติก" เรียกว่าก็ยังหวานไม่แพ้คู่หนุ่ม-สาว เพราะต้อง "หอมแก้ม" แสดงความรักกันทุกวัน สิ่งที่สำคัญในการครองรัก นั่นคือ"ความเสมอต้นเสมอปลาย ห่วงใยไถ่ถามความรู้สึกกันอยู่เสมอ"คุณเศรษฐา คุณอรัญญาเป็นคู่รักตัวอย่าง ที่หลายคนยกย่องให้เป็น"คู่รักอมตะ"



อิทธิพัทธ์ กลุพงษ์วณิชย์ (เถ้าแก่น้อย) : Succeeder


อิทธิพัทธ์ กลุพงษ์วณิชย์ (เถ้าแก่น้อย) : Succeeder
ผู้บริหาร บริษัทเถ้าแก่น้อย !!!



อิทธิพัทธ์ กลุพงษ์วณิชย์ จัดอยู่ในประเภท Succeeder 

           จากตี๋น้อยที่มีชื่อเล่นว่า ต๊อบ หรือคุณอิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ที่มีความสนใจในด้านการค้าขายตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งขายของในเกมส์ออนไลน์ จนมาเปิดแฟรนไชน์สเกาลัด และด้วยความเป็นอาตี๋ที่มีความชอบในการรับประทานสาหร่าย จนเป็นแรงบันดาลใจอย่างหนึ่งที่ทำให้ตี๋น้อยคนนี้ก้าวเข้ามาในอุตสาหกรรมอาหารว่าง หรือขนมคบเคี้ยวโดยเลือกสาหร่ายทะเลเป็นสินค้าหลักในการเข้าสู่ตลาด แต่ในการเข้ามาของเถ้าแก่น้อยนั้น เส้นทางนั้นไม่ได้ถูกปูด้วยพรมแดง หรือกลีบกุหลาบอย่างที่เห็นกันในปัจจุบันก่อนที่เถ้าแก่น้อยจะก้าวมาประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมสาหร่ายนั้น เรียกได้ว่าต้องเผชิญกับปัญหามากมายแนวคิดเริ่มแรกของคุณต๊อบที่จะสู้ต่อไปหลังจากผิดหวังกับการวางขายตามร้านโชห่วย ด้วยแนวคิดนี้เองทำให้คุณต๊อบเริ่มเข้าหาช่องทางที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศไทยนั่นคือร้านสะดวกซื้อเปิด 24 ชั่วโมง หรือ 7-eleven นั่นเอง โดยการเลือกเข้าไปขายใน 7- elevenเพื่อจะให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยเข้าขายในร้าน 7-11อิทธิพัทธ์เริ่มจากนำสาหร่ายแพคซองพลาสติกง่ายๆ ไปฝากไว้ที่ฝ่ายคัดสรรสินค้าเข้าจำหน่าย ทว่า ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูแสนธรรมดา จึงไม่ได้รับการเหลียวแลแม้แต่น้อยเมื่อไร้การติดต่อกลับเป็นเวลานาน เจ้าตัวร้อนใจถึงขั้นต้องโทร.ไปตามตื้อ และสอบถามสาเหตุที่สินค้าไม่ได้รับความสนใจ เจ้าหน้าที่ชี้แจงกลับมาว่า สินค้าคุณไม่สวย ไม่เหมาะกับ 7-11เจออย่างนี้ เขาเลยกลับมานั่งคิดทบทวนใหม่ว่า ทำอย่างไรให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยมีสไตล์เป็นของตัวเอง และถูกใจคนทั่วไปเมื่อปรับปรุงสินค้าแล้ว อิทธิพัทธ์นำกลับไปเสนออีกครั้ง ผลที่ได้ หลังกลับมาบ้าน มีโทรศัพท์ติดต่อกลับมาทันที พร้อมกับคำถามว่า ภายใน 3เดือนคุณพร้อมจะวางขายสินค้านี้ในร้าน 7-11 จำนวน 3,000 สาขาทั่วประเทศ หรือไม่ หลังจากได้เข้าขายในร้านสะดวกซื้อเจ้าดัง สาหร่ายเถ้าแก่น้อย มียอดขายเติบโตด้วยดีสม่ำเสมอ รวมถึง มีการขยายประเภทสินค้าให้ตอบสนองลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่ห่อละ 5บาท ถึง 60บาท เหมาะสำหรับเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ครอบครัว เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย
          คุณอิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ประสบความสำเร็จด้วยวัยเพียง 23ปี ต้องดูแลพนักงานกว่า 800 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีวัยมากกว่า จุดนี้ เจ้าตัวระบุว่าไม่ได้เป็นปัญหา เพราะพยายามมอบนโยบายอย่างให้เกียรติทุกคน และเอาชนะผู้ต่อต้านด้วยความสามารถ และเหตุผลสำหรับหลักที่เขายึดในการทำธุรกิจตลอด มีหัวใจสำคัญ 3ด้าน คือ ทัศนคติบวก ความรู้คู่จินตนาการ และกล้าคว้าโอกาส 

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

Wheel of consumer Analysis

Wheel of consumer Analysis
Marketing strategy :   ซัมซุงได้ออกสินค้าใหม่ในชื่อว่า Samsung Galaxy S III (Samsung Galaxy S 3
Environment : โทรศัพท์รุ่นใหม่นี้ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อรองรับการใช้งานของคนเรา ด้วยความสามารถแบบอัจฉริยะซึ่งจะตอบสนองความต้องการได้อย่างลงตัว สอดรับกับทุกความคิดและทุกการกระทำของทุกคน ใช้ได้ทุกวัย
Affect and cognition : กลุ่มลูกค้าสนใจติดตามสินค้าของซัมซุงอยู่แล้ว ยิ่งให้ความสำคัญเกิดเป็นพฤติกรรมต่อไป
Behavior : ผู้ที่ชื่นชอบตัดสินใจซื้อสินค้าก่อนสินค้าวางจำหน่าย